ถ่านชีวภาพ Biochar (ไบโอชาร์) แพคถุงละ 1 กิโล เป็นถ่านแช่จุลินทรีย์ ที่นิยมนำมาใช้เป็นสารปรับปรุงดินสำหรับการเกษตร
ถ่านแช่จุลินทรีย์ เป็นถ่านชีวภาพ Biochar (ไบโอชาร์) ที่นิยมนำมาใช้เป็นสารปรับปรุงดินสำหรับการเกษตร
* สินค้า แพคถุงใส ขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 25@ กดสั่งได้ออเดอร์ละ ไม่เกิน 16 ถุงต่อ 1 คำสั่งซื้อ
ประโยชน์
- อุดมด้วยกลุ่มจุลินทรีย์สร้างสรรค์
- เป็นวัสดุปลูกชั้นดี ทำให้ดินโปร่งระบายน้ำได้ดี ดินร่วนซุย อากาศถ่ายเท น้ำไม่แช่ขัง ระบบรากเดินได้ดี หาอาหารเก่ง
- รูพรุนที่ผิวถ่าน ทำให้ถ่านชีวภาพสามารถเก็บกักน้ำและธาตุอาหาร รวมทั้งเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์
- ช่วยปรับปรุงคุณภาพของน้ำได้ดี โดยเจาะรูถุงบรรจุแล้วโยนลงในบ่อน้ำที่ต้องการ
- ใช้เป็นหัวเชื้อในการทำปุ๋ยหมัก (โดยผสมกับปุ๋ยหมักฮิวมัสหรือปุ๋ยคอกก่อน 1 – 2 วัน ในอัตราส่วนตั้งแต่ 1:1 – 1:4 (ถ่านชีวภาพ:ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก) แล้วจึงนำไปใส่รองก้นหลุมปลูก (พืชล้มลุก) หรือใส่โคนต้น (ไม้ยืนต้น) หรือใช้เป็นส่วนผสมในวัสดุเพาะเมล็ด/เพาะกล้า
- มีงานวิจัยที่ได้ศึกษาการใช้ประโยชน์ของถ่านชีวภาพมีหลายด้าน เช่น การปรับปรุงดิน และช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงลดระยะเวลาการปลูกได้อีกด้วย ซึ่งแล้วแต่ชนิดของพืชที่ปลูก มีงานวิจัยที่นำถ่านชีวภาพไปใช้กับพืชทางการเกษตร ใช้เป็นวัสดุปลูกร่วมกับวัสดุอื่น เพื่อผลิตผลผลิตทางการเกษตร การลดการดูดซับสารเคมีที่ใช้กำจัดวัชพืชและศัตรูพืช และโลหะหนักที่อยู่ในดินและน้ำ ของพืชที่ปลูก โดยถ่านชีวภาพจะตรึงสารเคมีกลุ่มนี้ไว้ ทำให้ลดผลกระทบต่อพืชที่ปลูกจากสารเคมีและโลหะหนักที่ปนเปื้อน
- ความแตกต่างระหว่าง ถ่านชีวภาพ (biochar) และถ่าน (char) ถ่านที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง กรองน้ำ ดับกลิ่น ใช้อุณหภูมิสูงกว่า 700 องศาเซลเซียส ขณะที่ถ่านชีวภาพใช้อุณหภูมิต่ำกว่า ทำให้ถ่านชีวภาพมีสารที่เป็นประโยชน์กับพืช มีอาหารของกลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก สามารถกักเก็บคาร์บอนลงในดินและช่วยปรับปรุงสภาพทางกายภาพของดินและมีคุณสมบัติอีกหลายอย่างที่ทำให้ถ่านชีวภาพถูกนำมาใช้ในหลายด้าน
- ความแตกต่างระหว่างถ่านชีวภาพและปุ๋ยหมัก ถ่านชีวภาพมีลักษณะเป็นรูโพรง เมื่อนำถ่านมาผสมกับปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก รูโพรงนี้เมื่ออยู่ในดินจะช่วยเก็บธาตุอาหารจากปุ๋ย และเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ ช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่พืชได้นาน อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าทำให้ลดระยะเวลาในการหมักและลดการปลดปล่อยไนโตรเจน ทำให้ปุ๋ยหมักที่ผสมถ่านชีวภาพจะมีปริมาณไนโตรเจนมากกว่า ช่วยให้ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยลงได้
ถ่านชีวภาพได้จากการเผาแบบไพโรไลซิส (pyrolysis) คือ การอบอินทรียวัตถุ (ไม้) ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน (หรือมีน้อยมาก) เพื่อเปลี่ยนไม้ที่มีคาร์บอนสูง ให้เป็นถ่านที่เป็นของแข็ง และขณะเดียวกัน ก็จะได้ของเหลว (เรียกว่าไบโอออยล์ bio-oil) และก๊าซ (เรียกว่า ซินก๊าซ syngas) ซึ่งมีเทคนิควิธีการเผาได้หลายแบบ ทั้งที่ใช้อุปกรณ์ที่ง่ายๆ จนถึงซับซ้อน
ถ่านชีวภาพมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการปรับปรุงดินหลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ รูพรุนที่ผิวถ่าน ซึ่งทำให้ถ่านชีวภาพสามารถเก็บกักน้ำและธาตุอาหาร รวมทั้งเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์ โดยก่อนที่จะนำถ่านชีวภาพไปใช้ปรับปรุงดิน จะมีการเติม (ชาร์ทถ่าน) จุลินทรีย์และธาตุอาหารก่อน ที่จริงแล้ว ถ่านทุกชนิดมีรูพรุนมากกว่าวัสดุตั้งต้น ซึ่งขนาดและปริมาณของความพรุนในถ่านนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาเผาเป็นถ่านและกรรมวิธีการเผา
คุณสมบัติรองลงมาก็คือ ถ่านมีสภาพที่เป็นด่างเล็กน้อย จึงช่วยลดสภาพความเป็นกรดของดินลงได้บางส่วน นอกจากนี้ ถ่านชีวภาพมีธาตุไนโตรเจน (ที่เป็นประโยชน์กับพืช) รวมทั้งจะมีค่าความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก (ทำให้เก็บกักธาตุอาหารได้มาก)